ด.ช.

ด.ช.
เฟส

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563

มะละกอ

มะละกอ สรรพคุณและประโยชน์ของมะละกอ 34 ข้อ

มะละกอเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีต้นกำเนิดจากอเมริกากลาง เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานมากในบ้านเรา ด้วยการรับประทานสด ๆ หรือนำมาประกอบอาหาร เช่น ส้มตำ แกงส้ม หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ได้ มะละกอนั้นจัดว่าเป็นไม้ล้มลุก (หลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นไม้ยืนต้น)

ประโยชน์ของมะละกอนั้นก็มีค่อนข้างมาก มีสรรพคุณเป็นทั้งยารักษาโรค โดยสรรพคุณมะละกอก็เช่น ใช้เป็นยาระบาย ยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เป็นต้น และยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 ธาตุแคลเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก โปรตีน เป็นต้น

แต่มีคำแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานมะละกอสุกในปริมาณมาก ๆ หรือติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจจะทำให้ผิวของคุณเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้

สรรพคุณของมะละกอ

  1. มีส่วนช่วยกระตุ้นให้มารดามีน้ำนมมากขึ้น
  2. มะละกอมีส่วนช่วยในการบำรุงประสาทและสมอง
  3. มะละกอมีเอนไซม์ที่เป็นยาช่วยย่อยอาหาร
  4. ช่วยป้องกันลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟันได้
  5. ช่วยรักษาอาการขัดเบา ด้วยการใช้รากสดประมาณ 1 กำมือ รากแห้งอีกครึ่งกำมือ หั่นแล้วนำมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำมาดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนมื้ออาหาร
  6. เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้อาการท้องผูก ด้วยการกินเนื้อมะละกอสุก
  7. ช่วยในการย่อยอาหาร
  8. ใช้ฆ่าพยาธิ ด้วยการใช้ยางจากผลดิบซึ่งเป็นยาช่วยย่อยโปรตีน
  9. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา จากรากมะละกอ
  10. ช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
  11. ช่วยรักษาอาการเท้าบวม ด้วยการนำใบมะละกอสด ๆ มาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับเหล้าขาว นำมาพอกบริเวณนั้น ๆ
  12. ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอก ด้วยใช้รากมะละกอนำมาตำให้แหลกแล้วผสมกับเหล้าขาว นำมาทาบริเวณนั้น ๆ
  13. ใช้รักษาอาการผดผื่นคันขึ้นตามลำตัว ด้วยใช้ใบมะละกอ 1 ใบ เกลือ 1 ช้อนชา น้ำมะนาวจำนวน 2 ผล นำมาตำรวมกันให้ละเอียดแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นผดผื่น
  14. ช่วยรักษาโรคกลาก เกลื้อน เท้าเปื่อย ด้วยการใช้ยางมะละกอดิบมาทาวันละ 3 ครั้ง จะสามารถช่วยฆ่าเชื้อราได้
  15. ช่วยรักษาอาการคันอันเกิดมาจากพิษของหอยคัน ด้วยการใช้ยางมะละกอดิบ ๆ นำมาทาทั้งเช้าและเย็น
  16. หากโดนเสี้ยนหรือหนามตำหรือหนามหักคาเนื้อใน หากนำยางมะละกอดิบมาทา หนามจะหลุดออกมา แต่ให้บ่งเปิดปากแผลก่อน
  17. หากโดนตะปูตำเท้าเป็นแผล ให้นำผิวของลูกมะละกอดิบมาตำแล้วนำมาพอกแผล โดยเปลี่ยนใหม่วันละ 2 ครั้ง
  18. ช่วยรักษาแผลพุพอง อักเสบ ด้วยการใช้ใบมะละกอที่แห้งกรอบนำมาบดให้เป็นผง นำไปผสมกับน้ำกะทิผสมให้พอเหนียว แล้วนำมาทาแผลวันละ 3 ครั้ง
  19. ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้เนื้อมะละกอดิบ ๆ ต้มจนเปื่อย นำมาตำแล้วพอกบริเวณบาดแผล
  20. ใช้รักษาอาการปวดหลังปวดข้อต่าง ๆ ด้วยการรับประทานมะละกอสุกอย่างต่อเนื่องจะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้
  21. ช่วยรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้อไม่มีแรง ด้วยการใช้รากมะละกอตัวผู้นำมาแช่เหล้าขาวทิ้งไว้ 7 วัน และกรองเอาน้ำมาทาบริเวณที่กล้ามเนื้อหรือบริเวณที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  22. ช่วยลดอาการปวดบวม ด้วยการนำใบมะละกอสด ๆ ไปย่างไฟหรือใช้น้ำร้อนลวก แล้วนำมาประคบบริเวณที่มีอาการ หรือนำมาตำให้พอพยาบแล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง นำมาทำเป็นลูกประคบก็ใช้ได้เหมือนกัน
  23. ช่วยป้องกันการเกิดอาการตับโตหรือโรคที่เกี่ยวกับตับ
  24. เป็นยาช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
  25. มีงานวิจัยมะละกอพบว่าการรับประทานมะละกอเป็นประจำมีส่วนช่วยในการต่อต้านโรคมะเร็งได้
  26. ประโยชน์ของมะละกอ

    1. มะละกอมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด ซึ่งช่วยให้สุขภาพของคุณแข็งแรง
    2. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสอยู่เสมอ
    3. ช่วยในการชะลอวัย ลดเลือน และป้องกันการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ
    4. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
    5. สามารถนำมาใช้เป็นทรีตเมนต์ทำหน้าให้หน้าใสได้อีกด้วย ด้วยการนำมะละกอสุกผสมกับน้ำผึ้งและนมสด แล้วนำมาปั่นให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำมาทาผิวหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออก
    6. ใช้นำมารับประทานเป็นผลไม้หรือของว่าง
    7. ใช้นำมาปรุงเป็นอาหาร เช่น แกงส้ม ส้มตำ เป็นต้น
    8. สามารถนำมะละกอไปใช้หมักให้เนื้อนุ่มได้อีกด้วย เพราะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า Papain ซึ่งเป็นส่วนประกอบของผงหมักสำเร็จรูปที่เราเห็นขายกันอยู่ตามท้องตลาดนั่นเอง
    9. นำมาแปรรูป การแปรรูปมะละกอ เช่น มะละกอแช่อิ่ม มะละกอแผ่น แยมมะละกอ มะละกอเชื่อม ซอสมะละกอ เยลลี่มะละกอ มะละกอแช่อิ่ม มะละกอสามรส มะละกอดอง มะละกอผง เป็นต้น

    คุณค่าทางโภชนาการของมะละกอดิบ ต่อ 100 กรัม

    • พลังงาน 43 กิโลแคลอรี
    • คาร์โบไฮเดรต 10.82 กรัม
    • น้ำตาล 7.82 กรัม
    • เส้นใย 1.7 กรัม
    • ไขมัน 0.26 กรัม
    • โปรตีน 0.47 กรัม
    • วิตามินเอ 47 ไมโครกรัม 6%
    • เบตาแคโรทีน 274 ไมโครกรัม 3%
    • ลูทีนและซีแซนทีน 89 ไมโครกรัม
    • วิตามินบี 1 0.023 มิลลิกรัม 2%
    • วิตามินบี 2 0.027 มิลลิกรัม 2%
    • วิตามินบี 3 0.357 มิลลิกรัม 2%
    • วิตามินบี 5 0.191 มิลลิกรัม 4%
    • วิตามินบี 6 0.038 มิลลิกรัม 3%
    • วิตามินบี 9 38 ไมโครกรัม 10%
    • วิตามินซี 62 มิลลิกรัม 75%
    • วิตามินอี 0.3 มิลลิกรัม 2%
    • วิตามินเค 2.6 ไมโครกรัม 2%
    • ธาตุแคลเซียม 20 มิลลิกรัม 2%
    • ธาตุเหล็ก 0.25 มิลลิกรัม 2%
    • ธาตุแมกนีเซียม 21 มิลลิกรัม 6%
    • ธาตุแมงกานีส 0.04 มิลลิกรัม 2%
    • ธาตุฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม 1%
    • ธาตุโพแทสเซียม 182 มิลลิกรัม 4%
    • ธาตุโซเดียม 8 มิลลิกรัม 1%
    • ธาตุสังกะสี 0.08 มิลลิกรัม 1%
    • ไลโคปีน 1,828 ไมโครกรัม

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น